วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คิดบวก ชีวิตบวก

เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพรากให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า 'มารไม่มีบารมีไม่เกิด'
เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม 'ในวิกฤตย่อมมีโอกาส'
เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
.........................................................
ที่มา : Mail Forward

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2551

โรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้...
ในปัจจุบันมีประชากรเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้น เพื่อให้สาระความรู้กับประชาชนให้มีความเข้าใจในโรคนี้ จึงได้รวบรวมจากคำถามที่คนไข้มักถามแพทย์เป็นประจำ เพราะเรารู้ว่าโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่ใกล้ตัว หรือบางคนอาจมีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ยังไง ถ้าเรารู้ไว้หน่อยก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะค่ะ
โรคภูมิแพ้คืออะไร
โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายได้รับสารบางอย่าง และร่างกายของผู้นั้นตอบสนองผิดไปจากคนทั่วไป ทำให้เกิดโรคและอาการต่าง ๆ ขึ้น เช่น คนทั่วไปที่สูดฝุ่นละอองภายในบ้าน ซึ่งมีไรฝุ่นจะไม่เกิดอาการผิดปกติ แต่ถ้าผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ สูดเอาฝุ่นละอองเข้าไปจะเกิดอาการน้ำมูกไหล คันจมูก คันตา หรือมีอาการหอบเกิดขึ้น
โรคภูมิแพ้มีหลายโรค
โรคภูมิแพ้มีหลายโรคเกิดขึ้นได้หลายระบบ เช่น
1. เกิดขึ้นในระบบการหายใจ มีอาการได้ตั้งแต่น้ำมูกไหล จาม คันจมูก คัดจมูก (คนทั่วไปมักเรียกโรคแพ้อากาศ) หรืออาจมีอาการรุนแรง เช่น ไอ มีเสมหะมาก มีอาการหอบ ซึ่งเป็นอาการของโรคหืด บางคนอาจเป็นทั้งโรคหืด และโรคแพ้อากาศ สาเหตุของโรคภูมิแพ้ของระบบการหายใจนี้ ส่วนมากเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ สำหรับสาเหตุที่เกิดกับคนไทยส่วนใหญ่แล้วเกิดจากไรฝุ่นในบ้านเป็นสาเหตุสำคัญที่สุด รองลงมาได้แก่เศษและขี้แมลงสาบ ขนและรังแคสัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข หรือเกสรพืช หรือเชื้อราในอากาศสำหรับในเด็กเล็ก ๆ อาหารอาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ของระบบการหายใจได้เช่นเดียวกัน เช่น แพ้นมวัว ไข่ เป็นต้น
2. เกิดขึ้นที่ผิวหนัง เช่น อาการลมพิษ หรือผื่นภูมิแพ้ในเด็ก หรือผื่นแพ้จากการสัมผัส สาเหตุใหญ่ของลมพิษมักเป็นอาหารและยา ส่วนผืนภูมิแพ้ในเด็กมักเกิดขึ้นเอง ในเด็กที่มีแนวโน้มในการเกิด เช่น มีกรรมพันธุ์ของโรคภูมิแพ้ในครอบครัว อาหาร เช่น นม ไข่ อาจทำให้เกิดอาการผื่น ซึ่งมักเกิดบริเวณแก้มเด็กเล็ก หรือข้อพับในเด็กโต
3. เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ อาการปวดท้อง อาเจียน ท้องร่วง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้อาหาร
4. เกิดขึ้นในหลายระบบ และรุนแรง ผู้ป่วยบางรายมีอาการแพ้มาก อาจมีอาการเกิดขึ้นในทุกระบบ เช่น หอบ ลมพิษ ช็อค หรืออาจรุนแรงจนเสียชีวิตภายหลังจากกินอาหารบางชนิด เช่น กุ้ง ถั่วลิสง ฯลฯ หรือภายหลังได้รับยา เช่น เพนนิซิลลิน
โรคภูมิแพ้พบมากน้อยเพียงใด ?
ปัจจุบันโรคภูมิแพ้พบมากขึ้นทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย อุบัติการของโรคหืดสำหรับผู้ใหญ่ในคนไทยที่เคยสำรวจเมื่อ 20 กว่าปีก่อน พบประมาณร้อยละ 2.5 สำหรับในเด็กเมื่อ 10 ปีก่อน พบว่าเด็กในกรุงเทพมหานคร เป็นโรคหืดร้อยละ 4.2 ในปัจจุบันพบเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 13
สำหรับโรคแพ้อากาศ จากการสำรวจในผู้ใหญ่และเด็ก พบประมาณร้อยละ 20 และมีแนวโน้มจะพบสูงขึ้นในปัจจุบัน... ส่วนผื่นแพ้ทางผิวหนังที่พบบ่อยในเด็ก มีอุบัติการไม่เพิ่มขึ้นมากนัก พบประมาณร้อยละ 10-15
การที่พบโรคภูมิแพ้ของระบบการหายใจเพิ่มขึ้นในประเทศไทยก็เพราะวิถีของคนไทยเปลี่ยนไป ประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อยู่กันอย่างแออัด บ้านเรือนจากเดิมที่มีลักษณะโปร่ง โล่ง มีการถ่ายเทอากาศดี เปลี่ยนไปเป็นแบบตะวันตกมากขึ้น มีเพดานเตี้ย ประดับประดาไปด้วยเครื่องเรือน ปิดหน้าต่างตลอดเวลา เปิดเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องนอนมีพรมซึ่งมีไรฝุ่นมาก มีต้นไม้ประดับ ซึ่งมีเชื้อรา นิยมเลี้ยงสุนัข แมวในบ้าน บางคนถึงกับเอาไปนอนด้วย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นสารก่อภูมิแพ้ทั้งสิ้น คนก็ได้แต่สูดเอาสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายตลอดเวลา ยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิแพ้ขึ้น
ปัจจุบันนี้ยังมีปัจจัยอื่นมาร่วมด้วย เช่น มลพิษในอากาศ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกซด์ ฝุ่นละอองตามถนน ควันจากท่อรถยนต์ และจากโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีควันบุหรี่ การติดเชื้อ เป็นต้น ล้วนเป็นปัจจัยทำให้อุบัติการของโรคภูมิแพ้ในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น
โรคภูมิแพ้มีสาเหตุจากอะไร ?
สาเหตุที่สำคัญมีอยู่ 2 ประการ
1. กรรมพันธุ์ โรคภูมิแพ้หลายโรคจะเกิดขึ้นได้ง่าย ถ้ามีพันธุกรรม เช่น โรคหืด โรคแพ้อากาศ และผื่นภูมิแพ้ในเด็ก ยิ่งถ้ามีประวัติว่าทั้งพ่อและแม่เป็น จะยิ่งมีโอกาสมากกว่าพ่อหรือแม่เป็นฝ่ายเดียว
สาเหตุจากพันธุกรรมอาจไม่ค่อยเป็นปัจจัยสำคัญมากนักในโรคภูมิแพ้บางอย่าง เช่น ลมพิษ แพ้อาหาร แพ้ยา หรือแพ้จากการสัมผัส เช่น แพ้เครื่องประดับ แพ้เครื่องสำอาง เป็นต้น
2. สิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยสำคัญมาก เพราะสารก่อภูมิแพ้ที่จะเข้าร่างกายเราเกิดจากสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ไม่ว่าสารก่อภูมิแพ้ที่เข้าร่างกายโดยการหายใจ หรือจากการรับประทาน หรือจากการสัมผัส สารก่อภูมิแพ้บางอย่างสังเกตได้ง่าย เช่น อาหาร หลังจากการรับประทานอาหารทะเล อาจเป็นลมพิษภายในเวลาครึ่งชั่วโมง หรือกินยาแล้วมีผื่นขึ้น ผู้ป่วยกวาดบ้าน เล่นกับแมว หรือสุนัขแล้วเกิดอาการจาม คัดจมูกหรือหอบ สารก่อภูมิแพ้บางอย่างสังเกตได้ยาก เพราะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น เกสรหรือเชื้อราในอากาศ หรือไรฝุ่นในบ้าน ซึ่งมีมากตามที่นอน หมอน โซฟา ห้องรับแขก พรม ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น อากาศหนาว อากาศเปลี่ยน มลพิษในอากาศจากควันรถ ควันโรงงานอุตสาหกรรม ฝุ่นละอองตามท้องถนน ภายในบ้านหรือในสำนักงาน ก็มีควันบุหรี่เป็นตัวการสำคัญ
มีอาการอย่างไร จึงสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้แสดงอาการได้หลายระบบ เช่น
- ระบบการหายใจ ตั้งแต่จาม คันจมูก น้ำมูกไหล คัดจมูก คันตา คันคอ หรือไอเรื้อรัง มีเสมหะ มีอาการหอบเหนื่อย หายใจเสียงดังวี๊ด ๆ อาการดังกล่าวอาจเป็น ๆ หาย ๆ อาจมีอาการเป็นตามฤดูกาล หรือเป็นเกือบตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุ
- ระบบผิวหนัง อาจแสดงเป็นลมพิษ ผื่นคันตามข้อพับ ในเด็กเล็กอาจมีผื่นแดงบริเวณแก้ม
- ระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง ปวดท้อง
- แสดงอาการทุกระบบ ในคนไข้แพ้มาก อาจมีอาการทั้งหอบ หายใจลำบาก ลมพิษขึ้น ช็อค หรืออาจเสียชีวิต

ที่มา : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=929890


วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิธีการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้

สิ่งที่ต้องรู้ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้
1-งบประมาณของคุณ ?
ไม่ว่างบประมาณจะเป็นประเด็นในการเลือกซื้อของคุณหรือไม่ก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าการใช้งบประมาณเป็นตัวกำหนดแนวทางการเลือกซื้อยังใช้ได้เสมอ หากคุณชอบเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพสูง ทำจากไม้ที่มีราคาแพงหรือหาได้ยาก หรือมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์คุณย่อมต้องจ่ายมากขึ้น และหากคุณต้องจ่ายเงินมากเกินไปในเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง แน่นอนว่าคุณอาจหมดงบสำหรับซื้อชิ้นอื่นๆที่จำเป็น ดังนั้นในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ควรที่จะมีงบประมาณที่แน่นอนสำหรับเฟอร์นิเจอร์แต่ละรายการ เพื่อไม่ให้คุณต้องทนอยู่ในห้องโล่ง ๆ ที่มีเฟอร์นิเจอร์แค่ชิ้นหรือสองชิ้น
2-จะใช้งานที่ไหน ?
สำหรับห้องนั่งเล่น หรือดูที.วี.หรือห้องครัวที่ต้องมีการใช้งานทุกวันคุณคงต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความทนทาน เพระคุณต้องเปิดปิดลิ้นชักหรือหน้าบานบ่อยครั้ง ในทางตรงกันข้ามสำหรับห้องที่ใช้งานน้อยเช่นห้องนอนของแขกหรือห้องนอนสำรอง อาจเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เน้นความทนทานแต่ควรเลือกเฟอร์นิเจอรฺที่รูปทรงและขนาดแทน เป็นต้น ในโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะมีการแยกชนิดของเฟอร์นิเจอร์ตามการใช้งานอยู่แล้ว หากไม่แน่ใจคุณอาจสอบถามพนักงานขายว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้น เหมาะกับการนำไปใช้งานหรือไม่
3-อายุการใช้งาน ?
เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหารหรือห้องนอน อาจต้องมีการใช้งานที่ยาวนาน หรือบางทีอาจสามารถใช้งานจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นได้ทีเดียว คุณจึงตั้งงบประมาณสำหรับเฟอร์นิเจอร์ในส่วนนี้ได้มากกว่าส่วนอื่น ๆ แต่เฟอร์นิเจอร์ของเด็ก ไม่ควรตั้งงบประมาณไว้สูงเกินความจำเป็นเพราะเด็กเติบโตขึ้นทุกวัน และเมื่อเด็กโตขึ้นเราก็ต้องเปลี่ยนมันอยู่ดี การเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กจึงควรคำนึงถึงความปลอดภัย และขนาดที่พอดีกับการใช้งานของเด็กก่อนความแข็งแรงทนทานด้วยซ้ำ
4-สไตล์ที่คุณชอบ ?
แม้การเลือกสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์จะเป็นสิ่งสำคัญ เช่นในปัจจุบัน บรรดามัณฑนากรและเจ้าของบ้านกำลังนิยม eclectic style ซึ่งเป็นการนำเอาเฟอร์นิเจอร์หลายแบบหลายสไตล์มาผสมผสานกันในการห้องเดียวกัน แต่มีข้อควรระวังในการตกแต่งแบบนี้ เพราะหากคุณอาจเลือกผิดเลือกถูกได้ง่าย ๆ เช่น คุณอาจเผลอนำเฟอร์นิเจอร์เก่ารุ่นคุณปู่ไปวางในห้องอาหารที่อาจใช้รับรองแขกอย่างเป็นทางการ เป็นต้น
การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์โดยใช้หลักง่าย ๆ ดังกล่าว อาจช่วยให้คุณเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านของคุณได้คุ้มค่ากับเงินที่คุณต้องจ่ายไป และอย่าลืมสำรวจดูอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น มือจับ, บานพับ ที่ต้องให้มีคุณภาพคงทนเท่ากับอายุของเฟอร์นิเจอร์นั้น ๆ

ที่มา : http://www.108wood.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=386961&Ntype=777

โฆษณา,โฆษณาออนไลน์,การโฆษณา,สื่อโฆษณา,การตลาด,บริษัทโฆษณา,ประชาสัมพันธ์,ลงโฆษณา,ประกาศ,ออนไลน์,online,online advertising,advertising,โปรโมทสินค้า,โปรโมทเว็บไซต์,promote website,seo,pay per click,ad per click,media,ค้นหาเว็บ,media,สื่อ